
Scary Mode : วันดีเดย์, เฮี้ยนหอห้ามอตานี
สำหรับเรื่องแรกที่น้องรูเก้าจะนำมาเล่าสู่กันฟังนั่นก็คือ ตำนานรับน้อง วจก. หรือ วัน D-DAY
“คนมีประวัติ
สถานที่ก็มีประวัติเช่นกัน”
โหมดแรกของรูลับๆ มาพบกับช่วงเรื่องเล่าขนหัวรุกกับน้องรูเก้ากันนะฮะ อย่างที่น้องบอกไปตอนต้น คนมีประวัติ สถานที่ก็มีประวัติเช่นกัน และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์แห่งนี้ก็มีประวัติสุดสยองขวัญมาสั่นประสาทท่านผู้อ่านทุกคนให้คนลุกขนพองไปกับน้องรูเก้า ซึ่ง ม.อ. เป็นมหาวิทยาลัยที่มีตำนานเกี่ยวกับเรื่องผีมากมายไม่แพ้มหาวิทยาลัยอื่นๆ เลยนะฮะ แต่ละเรื่องก็น่ากลัวทั้งนั้น บางเรื่องก็มีผู้ประสบพบเห็นมาแล้ว บรึ๊ย!
หลายคนคงเคยดูภาพยนตร์เรื่อง รับน้องสยองขวัญ มาบ้างแล้ว และตำนานนี้ก็หลอนไม่แพ้กัน โดยเรื่องมันเริ่มวันที่ 16 กรกฎาคม ของหลายปีมาแล้ว รุ่นพี่นักศึกษาบัณฑิตคณะวิทยาการจัดการ หรือ วจก. ต้องไปนั่งรสบัสไปรับปริญญาที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นเมื่อรสบัสของรุ่นพี่คว่ำตกข้างทาง ทำให้รุ่นพี่ วจก. เสียชีวิตหลายสิบราย เรื่องไม่จบเพียงเท่านั้น เพราะในวันที่ 16 กรกฎาคมของทุกปี น้องใหม่ วจก. บางคนจะเจอรุ่นพี่บัญฑิตที่เสียชีวิตไปจะมาล้อมวงบูมต้อนรับรอบเตียงน้องใหม่ บ้างก็มาดูหน้าตาหลานรหัส บ้างก็มาทักทาย ซึ่งมันมักเกิดเรื่องแบบนี้ทุกปี ไม่เพียงแค่รุ่นน้องคณะ วจก. จะเห็นพี่บัญฑิตเท่านั้นนะฮะ เพื่อนเมทห้องเดียวกันมีโอกาสเห็นด้วย ทำให้เพื่อนเมทของน้องใหม่ วจก. จะทำทุกวิถีทางเพื่อเลี่ยงการพบเจอพี่บัญฑิตที่เสียชีวิตไปแล้ว บางคนกลับบ้านในคืนวันที่ 16 กรกฎาคม บางคนเอาสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับคณะวิศวะมาตั้งไว้ในห้อง เนื่องจากคณะวิศวะจะไม่โดนรุ่นพี่หลอกหลอน เพราะตอนที่รสบัสของพี่บัญฑิต วจก. ประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ มีเพียงคณะวิศวะที่ผ่านเข้ามาช่วยเหลือเท่านั้น ซึ่งน้องรูเก้าคิดว่าคงเป็นการขอบคุณ เลยไม่มาปรากฏตัวให้เห็นนั่นแหละฮะ
แบบนี้แล้วนักศึกษา วจก. คงต้องหา แฟนคณะวิศวะแล้วสิเนี่ย ถึงแม้ว่าเรื่องราวนี้จะไม่ได้เกิดขึ้นใน ม.อ.ปัตตานี โดยตรงแต่เส้นทางที่เข้ามา เขาอาจจะตามเรามาก็ได้...
เรื่องแรกจบกันไปแล้ว น้องรูเก้าเพิ่งคิดได้ว่า ถ้าน้องรูเก้าเป็นน้องใหม่คณะวิทยาการจัดการ แล้วเจอพี่บัญฑิต น้องรูเก้าอยากจะขอให้รุ่นพี่บอกหวยก็ดีน้า อ๊ะ! ไม่ได้สินะฮะ น้องรูเก้าเป็นเด็กดีไม่เล่นการพนัน นักอ่านทุกคนต้องเป็นเด็กดีเหมือนน้องรูเก้านะฮะ งั้นเรามาต่อกันเรื่องสุดท้ายกันเถอะ

น้องรูเก้าได้ไปสัมภาษณ์รุ่นพี่คนหนึ่ง ซึ่งขอใช้นามแฝงว่า “พี่เอ” ที่เคยอยู่หอห้ามาก่อน ซึ่งจะขอนำเรื่องเล่าของพี่เอมาแบ่งปันให้ท่านนักอ่านกันนะฮะ ปีนั้นรุ่นพี่เพิ่งเข้าหอในใหม่ๆ ตอนที่พี่เข้าหอวันแรก พี่ต้องซักผ้าตากผ้าตอนเย็นหลังจากผู้ปกครองของพี่เข้าไปแล้ว หลังจากซักเสร็จ เด็กหอห้าทุกคนจะมีราวตากผ้าอยู่หน้าลิฟต์แดงทุกชั้น รุ่นพี่อยู่ชั้นสอง เธอเอาผ้าไปตากที่หน้าลิฟต์ ในตอนนั้นไม่มีใครเอาผ้ามาตากเลย เธอก็คิดว่าดีเหมือนกันจะได้มีเนื้อที่ในการตากผ้าเยอะๆ ซึ่งตอนนั้นเธอยังไม่รู้เรื่องราวความสยองขวัญ และในตอนที่เธอกำลังตากผ้า มีเด็กหอห้าสองคนเดินขึ้นมาชั้นสอง เธอบอกว่าเธอสังเกตเห็นพฤติกรรมที่สองคนนั้นมองมา พวกเขามองมาแล้วกระซิบกัน เผอิญว่ารุ่นพี่ได้ยินเด็กสองคนนั้นพูดว่า “กล้าเนอะ” ซึ่งประโยคนี้ทำให้รุ่นพี่สงสัยมาก เลยไปถามเพื่อนเมทแล้วก็รู้มาว่า ลิฟต์แดงหน้าราวตากผ้าเคยมีนักศึกษาตายในลิฟต์ เนื่องจากลิฟต์หยุดการทำงาน และเวลาเดินขึ้นบันไดหรือมองไปยังลิฟต์แดงนั้น ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่านะ เพราะทุกครั้งที่มองไป รุ่นพี่มักจะเสียวสันหลังทุกที
เรื่องไม่จบเพียงเท่านั้น หลังจากผ่านไปหลายเดือน คืนหนึ่งรุ่นพี่บอกว่า รุ่นพี่ฝันว่าตัวเองตื่นขึ้นมาในห้องของตัวเอง แล้วเดินเข้าห้องน้ำ เนื่องจากหอห้าทุกห้องจะมีห้องน้ำในตัว ซึ่งห้องน้ำของรุ่นพี่จะสะดวก กระจกจะอยู่ตรงกันข้ามกับประตูพอดี พอเดินเข้าไปก็จะเห็นเงาตัวเอง รุ่นพี่บอกว่าเงาของเธอในกระจกเป็นเงาเธอจริงๆ แต่มันมีสิ่งที่แปลกไป ดวงตาสองข้างของเธอมันแดงผิดปกติ ตาขาวของเธอมีเลือดสีแดงคั่งเหมือนเส้นเลือดในตาแดง รุ่นพี่บอกว่าเธอมักจะฝันประหลาด แต่ไม่ได้ฝันบ่อยๆนะฮะ รุ่นพี่บอกว่านานๆ ครั้งถึงจะฝันแบบนั้น
รุ่นพี่บอกว่าเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนบอกว่า รุ่นพี่ไปทำอะไรไม่ดีหรือเปล่า หรือ ไม่ได้กราบไหว้เจ้าที่ก่อนหรือเปล่า เนื่องจากรุ่นพี่เป็นชาวพุทธฮะ เรื่องแบบนี้ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะฮะ
สุดท้ายก่อนจากกันใน Scary Mode น้องรูเก้าได้ยินเรื่องเล่ามาจากหมู่เพื่อนพูดกันว่า ถ้าอยากเจอรุ่นพี่ที่ตายในลิฟต์ ให้เอาดอกกุหลาบหนึ่งดอกไปวางหน้าลิฟต์ แล้วคืนนั้นถ้าโชคดีเขาจะมาหา บรื้ออ! น่ากลัวจังเลยฮะ น้องรูเก้าไม่กล้าหาญขนาดนั้น ถ้าเจอรุ่นพี่เขาจริงๆ น้องรูเก้าจะขอหวย เอ้ย! พูดผิดฮะ น้องรูเก้าจะทำบุญไปให้นะฮะ อย่ามาหลอกน้องเลยนะฮะ น้องจะเป็นเด็กดีของนักอ่านทุกคน

Strange Mode : พระบิดา ม.อ.ปัตตานี, I AM OFO
ทุกคนเคยสงสัยไหมฮะ ทำไมสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก หรือพระบิดาของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เด็กมออื่นชอบถามเด็กมอนี้ว่า ทำไมชื่อย่อมหาลัยถึงเป็น “ม.อ.” ทั้งที่ชื่อ “มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์” เพราะมหาลัยใช้นามย่อของ “สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร” มาตั้ง “สงขลานครินทร์” เป็นพระยศของสมเด็จพระ
มหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนกส่วน “มหิดล” เป็นพระนามของพระองค์ท่าน จึงย่อตัว “อ” ในพระนามท่านนั่นเอง ชื่อภาษาอังกฤษคือ Prince of Songkla University แปลว่า “มหาวิทยาลัย เจ้าชายแห่งสงขลา” วันคล้ายทิวงคตของพระองค์ท่านคือ วันที่ 24 กันยายนของทุกปี เป็น “วันมหิดล” นักศึกษาทั้ง 2 มหาวิทยาลัยและบุคลากรทางการแพทย์ถือเป็นวันสำคัญ
ในส่วนของวิทยาเขตปัตตานีของเราถึงเป็นรูปปั้นทรงยืน แต่วิทยาเขตอื่นกลับเป็นรูปปั้นทรงนั่ง น้องรูเก้าขอสวมบทเป็นยอดนักสืบจิ๋ว จะมาไขปริศนานี้ให้กระจ่างเอง เพราะความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นฮะ !
เหตุที่พระบิดาของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานีเป็นรูปปั้นทรงยืน เพราะสมัยก่อนวิทยาเขตปัตตานีเป็นวิทยาเขตแรกของ ม.อ. ได้สร้างพระบิดาทรงยืนขึ้นมา แต่ต่อมาเมื่อมีวิทยาเขตอื่นๆ ก่อตั้งขึ้น และเห็นว่าการสร้างรูปปั้นทรงยืนไม่เหมาะสมเท่าไหร่ จึงประกาศให้วิทยาเขตอื่นๆ สร้างรูปปั้นทรงนั่ง ส่วนวิทยาเขตของเราจึงได้รับอภิสิทธิ์พิเศษไปฮะ
สีประจำมหาวิทยาลัยคือ “สีบลู” ดอกไม้ประจำมหาวิทยาลัยคือ “ดอกศรีตรัง” เดิม ม.อ. ก่อตั้งครั้งแรกที่ปัตตานี แต่ไอทะเลทำให้เครื่องมือวิทยาศาสตร์เสียหาย จึงขยายวิทยาเขตไปที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา น้องรูเก้าภูมิใจแทนทุกคนที่ได้เป็นลูกพระบิดาสงขลานครินทร์นะฮะ

ส่วนเรื่องแปลกอีกเรื่องหนึ่งที่น้องรูเก้าจะขอนำเสนอเป็นเรื่องแปลกในปัจจุบันที่เพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน นั่นคือปรากฏการณ์จักรยานสีเหลือง (ofo) นักอ่านทุกท่านลองคิดกันดูสิฮะ มหาลัยของเราเป็นมหาลัยแปลกที่มีจักรยานสุดไฮเทคให้ยืมใช้ ซึ่งหาดูที่ไหนไม่ได้ แถมนักศึกษายังฮิตกันใช้รถจักรยานมากกว่ารถจักรยานยนต์ และจะเห็นจักรยานคันสีเหลืองวิ่งเต็มถนนใน ม.อ.
ฟิ้ว! จักรยานวิ่งผ่านไป ยิ่งมันเป็นคันสีเหลืองยิ่งเด่น อาจจะเด่นเทียบเท่า เดอะแฟรชสีแดง จาก I am the Flash น้องรูเก้าคิดว่าปรากฏการณ์ครั้งนี้ขอเรียกว่า I am the ofo!
สำหรับรูลับๆ ก็ดำเนินมาถึงช่วงสุดท้ายกันแล้ว น้องรูเก้ายังขนลุกขนพองอยู่เลย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ไม่ได้มีเพียงเรื่องสยองขวัญแค่สองเรื่องเท่านั้นนะ เพราะยังมีเรื่องราวอีกมากมายไม่ว่าจะเป็นตำนานตึก 19 หรือแม้กระทั่งหอดูนก อ้ะๆ ถ้าหากใครอยากอ่านเรื่องเล่าสยองขวัญอีก โอกาสหน้าน้องรูเก้าจะนำมาเล่าสู่กันฟังอีกนะฮะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องน่ากลัวและเรื่องแปลก รับรองว่าจะต้องขนหัวลุกกันแน่ๆ ฉะนั้นรูลับๆ ฉบับนี้ขอจบลงตรงนี้ น้องรูเก้าของตัวลาไปก่อนนะฮะ แล้วเจอกันใหม่นะฮะ
